เริ่มจากทางกระทรวงยุติธรรมร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ
เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการกำกับดูแลหน่วยงานภาคเอกชน อาชีพนักสืบเอกชน
ณ ห้องสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ชั้น 4 อาคารเทพทวาราวดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ
วิทยากรในการบรรยายมี 2 ท่านคือ
ศาสตราจารย์วีระพงษ์ บุญโญภาส รองคณบดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หัวหน้าโครงการวิจัย และ อาจารย์เดชา กิตติวิทยานันท์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นักวิจัยหลักการและเหตุผล
ปัจจุบันแนวโน้มการผลักดันให้ผู้ปฏิบัติงานหรืออาชีพในระบวนการยุติธรรมมีคุณภาพและมาตรฐาน
ในระดับที่ถือว่าเป็นวิชามีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากหน่วยงานในระบวนการยุติธรรมต่างก็เล็งเห็น
ว่าผู้ที่จะปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนยุติธรรมได้นั้น นอกจากจะต้องผ่านการเรียน การฝึกอบรม
ให้มีความสามารถเพียงพอที่จะอำนวยความยุติธรรมแล้วอาชีพในกระบวนการยุติธรรม
ยังส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่จำเป็นจะต้องมีการกำกับดูแล
และพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานของบุคลากรเหล่านี้ให้สามารถอำนวยความยุติธรรม
ให้แก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง แต่ในปัจจุบันกลับมีเพียงไม่กี่อาชีพเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับ
ว่ามีความเป็นวิชาชีพและมีสถาบันหรือสภาวิชาชีพในการกำกับดูแลการประกอบอาชีพนั้น
ได้แก่ ผู้พิพากษา ทนายความ ฯลฯ ในขณะที่ยังมีผู้ปฏิบัติงานในอาชีพอื่น ๆ
ของ กระบวนการยุติธรรมอีกมากมายทั้งภาครัฐและเอกชนที่ยังขาดกลไกหรือหน่วยงาน
ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลและควบคุมมาตรฐานอย่างจริงจัง
การกำกับดูแลยังเป็นลักษณะการควบคุมภายในหน่วยงานที่ตนเองสังกัดอยู่เท่านั้น
ซึ่งเป็นลักษณะต่างคนต่างทำและขาดระบบการตรวจสอบถ่วงดุลที่ชัดเจน
เราจึงพบว่ามีหลาย ๆ อาชีพในกระบวนการยุติธรรมเริ่มจะผลักดันให้อาชีพตนมีความเป็นวิชาชีพ
มากยิ่งขึ้น โดยความพยายามที่จะเสนอกฎหมายเพื่อรองรับการดำเนินงานของหลาย ๆ อาชีพ
เพื่อยกระดับสู่ความเป็นวิชาชีพ เช่น นักสังคมสงเคราะห์ ฯลฯ รวมไปถึงอาชีพของภาพเอกชนต่าง ๆ
ที่มีผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม เช่น อาชีพรักษาความปลอดภัย นักสืบเอกชน
นักประเมินราคาทรัพย์สิน อาสาสมัครมูลนิธิต่าง ๆ ก็ได้มีความพยายามในการเสนอกฎหมาย
เพื่อรองรับให้อาชีพของตนมีความเป็นวิชาชีพมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ประเทศไทย
ก็ยังไม่มีระบบหรือแนวงทางที่ชัดเจนต่อการกำกับดูแลผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง
กับกระบวนการยุติธรรมโดยภาพรวม
อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศต่างก็ตระหนักว่าระบบกฎหมายและงานยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพ
และมาตรฐานเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคม
ของประเทศ โดยแต่ละประเทศก็จะมีรูปแบบและวิธีการในการกำกับดูแลที่แตกต่างกันไป
เช่น ในหลายมลรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา มีหน่วยงานกลางของรัฐที่ทำหน้าที่ในการกำกับดูแล
ส่งเสริม ออกใบอนุญาต เพิกถอนใบอนุญาตการประกอบอาชีพ วิชาชีพหรือการประกอบธุรกิจ
ในกระบวนการยุติธรรมหรือที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งภาครัฐและเอกชน
รวมทั้งกำหนดว่าอาชีพประเภทใดที่สมควรจะต้องมีการกำกับดูแล ขณะที่อีกหลาย ๆ ประเทศ
ใช้การจัดกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมออกเป็นหมวดหมู่
และให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจโดยตรงในการควบคุมอาชีพนั้น ๆ
ทำหน้าที่กำกับดูแล
นอกจากนี้คณะอนุกรรมการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการ
ภายใต้กรอบของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ยังได้มีมติให้เพิ่มเติมแนวทาง
การกำกับดูแลภาคเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมลงในแผนแม่บท
ว่าด้วยการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งให้มีการศึกษาเพิ่มเติมถึงเหตุผล
และความจำเป็นของอาชีพของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย
ที่สมควรจะต้องมีการกำกับดูแล
รวมทั้งแนวทางการกำกับดูแล และการพัฒนามาตรฐานผู้ปฏิบัติงานในอาชีพนั้นแล้วเสนอ
ให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นและความสำคัญ
ในการที่จะต้องมี่ระบบหรือแนวทางเพื่อกำกับดูแลผู้ปฏิบัติงานในกระบวนการยุติธรรม
ไม่ว่าจะเป็นอาชีพในภาครัฐหรือภาคเอกชนก็ตามสำนักงานกิจการยุติธรรม
จึงเห็นควรให้มีการศึกษาเปรียบเทียบรูแบบการดำเนินงานของหน่วยงาน องค์กร
หรือการดำเนินงานในลักษณณะที่ทำหน้าที่กำกับดูแลผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง
ในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างระบบหรือแนวทางในการกำกับดูแล
และพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยต่อไป
ข้อที่ต้องพิจารณามีดังนี้
1.ควรจะต้องมีทำเนียมจรรยาบรรณ (จากองค์กรที่เป็นกลาง) เหมือนวิชาชีพอื่นหรือไม่เพียงใด
อ.เดชา แสดงความคิดเห็นว่าการมีทำเนียบและจรรยาบรรณของนักสืบเป็นเรื่องที่จำเป็น
และควรมีวิธีการบริหารจัดการเหมือนสภาวิชาชีพหนังสือพิมพ์ , ทนายความ, วิศวกร , สถาปนิก
2.ควรจะต้องตั้งองค์กรกลางเข้ามาควบคุมดูแลผู้ประกอบวิชาชีพหรือไม่ เช่น สถาบันนักสืบเอกชน
หรือ สมาคมนักสืบเอกชน อ.เดชา แสดงความคิดเห็นว่า ควรจะเริ่มต้นรวมตัวกันในลักษณะหลวม ๆ
อย่าใช้กฎระเบียบบังคับ เพราะจะเกิดการต่อต้าน และให้นักสืบทุกคนเลือกตัวแทน
ไปจดทะเบียนเป็นสมาคมหรือชมรมในเบื้องต้นก่อน
3.หลักสูตรการเรียนการสอนวิชาที่เกี่ยวข้องกับการเป็นนักสืบ จะต้องกำหนดเป็นการเฉพาะ
อย่างเป็นทางการหรือไม่ หรือควรจะบรรจุในหลักสูตรของสถาบันการศึกษาประเภทใดหรือไม่
อ.เดชา แสดงความคิดเห็นว่า หลักสูตรนักสืบเอกชนควรให้นักสืบเอกชนเป็นผู้จัดฝึกอบรม
มากกว่านักสืบของทางราชการ เพราะมีฐานการคิดที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะตำรวจ
มีฐานการคิดจากผู้ที่มีอำนาจตามป.วิอาญา แต่นักสืบเอกชนมาจากฐานการคิดที่เป็นเอกชน
ซึ่งปราศจากอำนาจตามกฎหมาย ส่วนจะบรรจุไว้ในสถานศึกษาหรือไม่อย่างไรนั้นเห็นว่า
ในขณะนี้ยังไม่จำเป็น ควรรอให้สังคมเห็นความสำคัญของนักสืบก่อน
4.ควรต้องมีใบอนุญาต(License) ในการประกอบวิชาชีพนักสืบเอกชน
ต่างหากจากใบอนุญาตว่าความ หรือใบอนุญาตอื่นใดหรือไม่ อ.เดชา แสดงความคิดเห็นว่า
การออกใบอนุญาตนักสืบควรเป็นหน้าที่ของประธานชมรมนักสืบหรือประธานสมาคมนักสืบ
หน่วยงานของรัฐไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้อง ควรให้นักสืบดูแลกันเอง และไม่ควรออกใบอนุญาต
ในนามนิติบุคคล ควรออกใบอนุญาตให้กับนักสืบเป็นรายบุคคล
หลังจากที่ได้ประชุมและศึกษาแนวทางแล้ว ผู้ประกอบอาชีพนักสืบเอกชนในประเทศไทยจึงมีมติ
ให้มีการจดทะเบียนจัดตั้งเป็น ชมรมผู้ประกอบวิชาชีพนักสืบเอกชน(ประเทศไทย) ในขั้นตอนแรกก่อน
และในอนาคตอาจจะมีการจดทะเบียนเป็น สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพนักสืบเอกชน(ประเทศไทย)
ในส่วนผู้บริหารชมรมฯ ทางที่ประชุมมีมติแต่งตั้งให้ นายxxxx xxxxxxxxx
ดำรงตำแหน่งประธานชมรมฯ และเป็นผู้จดทะเบียนชมรมฯ และควบคุมดูแลกิจการต่างๆของชมรมฯ
หลังจากนั้น นายxxxx xxxxxxxxx ได้ทำการจดทะเบียนชมรมฯเป็นที่แล้วเสร็จ
และได้แต่งตั้งให้ นายประทีป เจริญพระประแดง เป็นรองประธานชมรมฯ
หลังจากที่ได้ประชุมและศึกษาแนวทางแล้ว ผู้ประกอบอาชีพนักสืบเอกชนในประเทศไทยจึงมีมติ
ให้มีการจดทะเบียนจัดตั้งเป็น ชมรมผู้ประกอบวิชาชีพนักสืบเอกชน(ประเทศไทย) ในขั้นตอนแรกก่อน
และในอนาคตอาจจะมีการจดทะเบียนเป็น สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพนักสืบเอกชน(ประเทศไทย)
ในส่วนผู้บริหารชมรมฯ ทางที่ประชุมมีมติแต่งตั้งให้ นายxxxx xxxxxxxxx
ดำรงตำแหน่งประธานชมรมฯ และเป็นผู้จดทะเบียนชมรมฯ และควบคุมดูแลกิจการต่างๆของชมรมฯ
หลังจากนั้น นายxxxx xxxxxxxxx ได้ทำการจดทะเบียนชมรมฯเป็นที่แล้วเสร็จ
และได้แต่งตั้งให้ นายประทีป เจริญพระประแดง เป็นรองประธานชมรมฯ
หากท่านใดมีความประสงค์ต้องการติดต่อชมรมผู้ประกอบวิชาชีพนักสืบเอกชน(ประเทศไทย)
เพื่อขอสมัครทำบัตรสมาชิกชมรมฯ หรือต่ออายุบัตรสมาชิกชมรมฯ
สามารถติดต่อได้ที่ คุณประทีป เจริญพระประแดง รองประธานชมรมฯ
สามารถติดต่อได้ที่ คุณประทีป เจริญพระประแดง รองประธานชมรมฯ
โทรศัพท์ 062-689-6428
ไอดีไลน์ 0626896428
ไอดีไลน์ 0626896428
อีเมล์ spythailand01@gmail.com